ประจานโกงรับจำนำ

ข้าวหายอื้อ

เจอทั้งเน่า-ยัด“แกลบ”

ปูพรมค้นโกดังทั่วปท.

“เพชรบูรณ์-ชัยนาท”

ล่องหนนับหมื่นตัน

ปม“รมยา”ส่อพ่นพิษ

“สหรัฐ”กักสินค้าไทย

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามตรวจสอบปริมาณข้าวและคุณภาพข้าวคงเหลือหรือสต๊อกข้าว ในโกดังที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวทั่วประเทศ ซึ่งดีเดย์ปูพรมลงพื้นที่วันเดียวกันนี้

 ผลตรวจสต๊อคเบื้องต้นไม่พบพิรุธ

                โดยพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช.แถลงว่า กำลังตำรวจ 18,930 นาย จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9  ลงพื้นที่ตรวจจุดรับจำนำข้าว และโกดังคลังกลาง 2,100 จุด แบ่งเป็นโรงสี 814 จุด คลังกลาง 1,286 จุด ยังไม่พบความผิดปกติ หรือการทุจริตแต่อย่างใด แต่บางพื้นที่มีข้อมูลจำนวนโรงสีและโกดังกลางซ้ำซ้อนกัน ส่วนในอ.บางไผ่ จ.ขอนแก่น มีคลังกลาง 1 แห่ง ที่อยู่ระหว่างการรมยาข้าวจึงไม่สามารถเข้าตรวจได้ ตำรวจจึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน และเตรียมตรวจสอบช่วงเวลารมยา จำนวนโกดัง รวมทั้ง ตัวเลขทางบัญชี ก่อนจัดเจ้าหน้าที่ตรวจนับอีกครั้ง  ขณะที่โกดังในจ.น่าน 2 แห่ง และ ลำปาง 5 แห่ง ไม่พบข้าวเก็บไว้ เพราะเป็นการรับจำนำข้าวนอกเขตพื้นที่

                นายณัฐวุฒิ แถลงว่า  การตรวจสอบโรงสีและโกดังคลังกลางทั่วประเทศเบื้องต้น ยังไม่สิ่งผิดปกติส่อไปในทางทุจริตหรือยักยอกฉ้อโกง ส่วนผลเชิงคุณภาพ จะสุ่มนำข้าวส่งตรวจในห้องปฎิบัติการต้องใช้เวลา ซึ่งจะรายงานผลให้ทราบภายหลัง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลจะมีการเคลื่อนย้ายข้าวระหว่างโรงสีนั้น ได้วางกำลังตำรวจทุกเส้นทาง และยังไม่พบการเคลื่อนย้ายข้าวข้ามเขตแต่อย่างใด

                เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. ซึ่งนำชุดตรวจสอบสต๊อกข้าว เข้าตรวจสอบที่คลังสินค้ากลางสมศักดิ์สามวา เลขที่ 38/12 หมู่ 3 ซอยนิมิตใหม่ 31-33 เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ  และโรงสีในพื้นที่ บก.น. 3 จำนวน 7 แห่ง และคลังกลางเก็บข้าว 2 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำ เบื้องต้นพบปริมาณกระสอบข้าวอยู่ครบ  ตรวจสอบวันนี้ไม่พบการทุจริต รวมทั้งการปลอมแปลงข้าว ในโกดังเก็บข้าวก็มีการปิดกุญแจ 3 ดอก ป้องกันการยักย้ายถ่ายเทข้าว ซึ่งยังไม่พบพฤติกรรมหรือข้อพิรุธดังกล่าว

ทั่วปท.ปูพรมตรวจโรงสีทุกเม็ด

                ส่วนการตรวจสอบโกดังข้าวในต่างจังหวัดเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับส่วนราชการ อาทิ  การค้าภายใน องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรม (อ.ต.ก.) และองค์การคลังสินค้า (อ.ค.ส.)  ผู้แทนเกษตรกร และฝ่ายปกครอง สนธิกำลังลงพื้นที่พร้อมกันทุกจุด  ส่วนใหญ่ตรวจไม่พบความผิดปกติในเรื่องข้าวหายหรือการทุจริต แต่จะมีปัญหาคล้ายกันในเรื่องการจัดเก็บไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์เชิงปริมาณและคุณภาพข้าวไม่เพียงพอ ต้องใช้เวลานานในการตรวจโกดังแต่ละแห่ง

อยุธยา-อุทัยฯ-สงขลาข้าวอยู่ครบ

                ที่จ.พระนครศรีอยุธยา นายภัคพงษ์ ทวิพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปล่อยขบวนชุดปฎิบัติการ 42 ชุด ตรวจโรงสีข้าว 32 แห่งและคลังกลาง 49 แห่ง ไม่พบการทุจริตหรือข้าวหาย มีปริมาณข้าวครบตรงตามที่รายงานไปยัง อคส.          เช่นเดียวกับ จ.อุทัยธานี ผลการตรวจโรงสีหรือโกดังที่ร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลทั้ง 13 แห่ง 35 โกดังทั่วจังหวัด ไม่พบความผิดปกติ                  ส่วนจ.สงขลา ตำรวจภูธรจ.สงขลาทั้ง 16 อำเภอร่วมกับตัวแทน อคส.และพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบโรงสี และคลังสินค้ากลางใน 16 อำเภอรวม 49 แห่ง ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใดเช่นกัน

โรงสีนครฯเก็บรักษาไม่ได้มาตรฐาน

                ส่วนจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งก่อนหน้านี้พบข้าวในโกดังที่เข้าร่วมโครงการจำนำข้าว มีซากหนู แมว คางคกตายปะปนอยู่  แต่ผลการตรวจโรงสี 35 แห่งและโกดังข้าวของ อตก. 2 แห่ง ของอคส.อีก 11 แห่ง ที่กระจายอยู่ในอ.เมือง ปากพนัง เชียรใหญ่และหัวไทร พบมีข้าวทั้งหมด 661,596 กระสอบ ไม่พบพิรุธในการจัดเก็บ มีเพียงปัญหาการเก็บรักษาข้าวไม่เป็นไปตามมาตรฐาน

                ขณะที่ผู้บริหารโรงสีปิตุภูมิระบุว่า ขณะนี้โรงสีไม่สามารถสีข้าวเปลือกที่ถูกส่งเข้ามายังโรงสีได้ เพราะเมื่อแปรรูปเป็นข้าวสารแล้ว ไม่มีโกดังเก็บเพียงพอ ข้าวสารล้นโกดัง ทำให้เป็นปัญหาอีกส่วนหนึ่ง

"เพชรบูรณ์"ข้าวหาย4พันตัน

                ที่จ.เพชรบูรณ์ พบข้าวเปลือกจำนวนหนึ่ง ถูกเก็บไว้ในโรงสี เกษตรผลเจริญ ตั้งอยู่เลขที่  189 หมู่ 8  อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ หนึ่งในโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก พบว่าข้าวเปลือก 4 พันตันหายไปจากโกดัง เจ้าหน้าที่จากอ.ต.ก.เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.หนองไผ่ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของโรงสีข้อหายักยอกทรัพย์  ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์จะแถลงข่าวเรื่องดังกล่าววันที่ 28 มิถุนายน

เจ้าของอ้างข้าวถูกฝนงอกเสียหาย

                โดยนายชำนาญ หรือเสี่ยเล็ก เจ้าของโรงสีเกษตรผลเจริญ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียงว่า เรื่องนี้เกิดจากการเก็บข้าวเปลือกที่ตากแห้งไว้บนลานตากของโรงสี แต่ข้าวเปลือกส่วนหนึ่งเกิดถูกฝนตกใส่ในช่วงต้นปี ทำให้ข้าวเปลือกชื้นและงอกเสียหาย เมื่อนำส่วนที่เหลือไปสีก็ไม่ได้เต็มจำนวน ซึ่งเรื่องนี้ทางโรงสี เองยินดีชดใช้จำนวนข้าวเปลือกที่สูญหายไป เพราะเป็นความรับผิดชอบตามสัญญา ที่โรงสีต้องทำอยู่แล้ว

พิจิตรจนท.ไม่พอ-ตร.ไม่รู้เรื่องข้าว

                ที่จ.พิจิตร ซึ่งก่อนหน้านี้มีปัญหาข้าวหายจากโกดังที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำของรัฐบาลจำนวน 8,000 ตัน ชุดปฏิบัติการตรวจสอบจุดรับจำนำ โรงสี และคลังกลาง ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลเข้าตรวจสอบโกดัง 97 แห่งทั่วจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่การค้าภายในมีไม่เพียงพอ ต้องรอการหมุนเวียนจากแต่ละจุดทำให้เสียเวลาตรวจสอบ

                ด้านพล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ ผบก.ภ.จว.พิจิตรระบุว่า ตำรวจไม่ชำนาญในการตรวจข้าว โดยเฉพาะการวัดปริมาตรและการตรวจคุณภาพข้าว  ก็ให้ถ่ายรูปมาเป็นหลักฐานเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น

แปดริ้วล่องหน8พันกระสอบ

                ที่จ.ฉะเชิงเทรา ชุดทำงานตรวจสต๊อกข้าว เข้าตรวจโกดังกลางเก็บข้าวสารในโครงการรับจำนำ อตก.ตั้งอยู่หลัก กม.ที่ 39 ริมถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พบข้าวเหลืออยู่ในโกดังแห่งนี้เพียง 97,436 กระสอบ จากเดิมมีอยู่ 106,398 กระสอบ ที่ตรวจสอบไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังมีกระแสข้าวข้าวถูกมอดเจาะและถูกฝนเน่าเสียหายเกือบทั้งหมด โดยมีข้าวหายไปจากจำนวนตรวจนับครั้งที่แล้ว 8,935 กระสอบ ด้านเซอร์เวย์เยอร์แจ้งต่อคณะผู้ตรวจนับข้าววันนี้ว่าข้าวที่หายจำนวนดังกล่าวได้ขายไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าขายไปที่ใด เพราะมีรถบรรทุกถือตั๋วรับข้าวมาขอรับไป และยังไม่มีการแจ้งตัดบัญชีกลับมา

                นอกจากนี้ มีรายงานว่า สภาพโดยทั่วไปของโกดังแห่งนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก โดยมีกองข้าวยุบหายไปจากเดิมดูว่างผิดตาจากช่วงที่เกิดเรื่องอื้อฉาว และมีการทำความสะอาดบริเวณโดยรอบ หลังถูกคณะอนุกรรมาธิการวุฒิสภา เกษตรฯ ตำหนิ เรื่องความสกปรก เมื่อครั้งมาตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงเรื่องซากขี้มอด

พัทลุงข้าวเสียอื้อ-จนท.ตรวจชุ่ย

                ส่วนที่จ.พัทลุง การตรวจสอบโรงสี และโกดังตามโครงการรับจำนำ 25 โรงทั่วทั้งจังหวัดพร้อมกัน พบพิรุธหลายแห่ง โดยเฉพาะที่ อ.เมือง และ อ.ปากพะยูน ที่โรงสีขาดมาตรฐานจัดเก็บข้าวเปลือก และข้าวสาร ทำให้เกิดเชื้อรา มอด และหนอนขึ้นเสียหายหลายตัน และภายในโรงเรือนมีกล้องวงจรปิดแต่ใช้การไม่ได้  ขณะที่การตรวจสอบข้าวของกรรมการพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายใน เข้าไปตรวจสอบโรงสีเพียงขอดูใบประกอบรายการจำนำกับเจ้าของโรงสีว่าตรงกับต้นขั้วที่เจ้าหน้าที่ถือหรือไม่ ไม่ได้ตรวจสอบกองข้าว และถุงข้าวเปลือก และข้าวสารภายในโรงสีให้ละเอียดแต่อย่างใด เพราะเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจสอบบางรายกลัวฝุ่น แต่ละแห่งใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น และระบุในรายงานมายังจังหวัดว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ

แฉกว้านซื้อล็อตใหม่อุดข้าวรั่ว

               ขณะที่ชุดสืบสวนตำรวจระบุว่า พบโรงสีบางแห่งเพิ่งนำข้าวเปลือกใหม่เข้ามาเก็บช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกว้านซื้อข้าวมาทดแทนส่วนที่ขาดหายไป เพราะแอบขายให้นายทุนไปก่อนหน้านี้  โดยขอชื้อใบประทวนจากชาวนารายละ 2,000 บาท เพื่อจัดชื้อข้าวเปลือกให้ครบตามจำนวน และโควตาที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ แต่อนุกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัดไม่มีข้อมูลรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงทราบ

“ชัยนาท”ข้าวเน่าซุกแกลบ-รำ

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.ชัยนาท เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่โรงสีวงษ์ชัยเจริญธัญญกิจ พบข้าวเน่าขึ้นรา และมีการนำแกลบรำผสมปลายข้าวใส่กระสอบมาวางเรียงรวมกับข้าวดีมากกว่า 70% และในส่วนข้าวเปลือกตรวจสอบพบว่ามีเกินจากปริมาณที่แจ้งไว้ จึงรายงานเข้ามาที่ศูนย์ปฏิบัติการตรวจโครงการรับจำนำข้าว เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อไป

“เชียงราย”สูญพันตัน-ยัดไส้แกลบ

                เช่นเดียวกับ ที่จ.เชียงราย  ผลการตรวจจุดรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2555/2556 ที่โกดังโรงสีที พี เอ็น ไรซ์มิล จำกัด ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน พบสิ่งแปลกปลอมเป็นแกลบอัดแท่ง และข้าวคุณภาพต่ำเหมือนข้าวเก่า บางส่วนมีราดำขึ้น และมีมอดปะปน บางส่วนเป็นข้าวสีแดง ตรวจค้นภายในพบ มีแกลบอัดแท่งเก็บเอาไว้ในจุดที่ลึกที่สุดของโกดัง ถัดออกมาเป็นข้าวคุณภาพต่ำ ด้านหน้าเป็นข้าวขาวตามปกติ จึงเก็บตัวอย่างไว้เป็นหลักฐาน

             ด้านนายณัฐพล พฤษถาพร เจ้าของโรงสียืนยันว่า ข้าวที่รับจำนำจากชาวนายังอยู่ครบ 20,000 ตัน แต่แปรรูปเป็นข้าวสารแล้วประมาณ 10,000 ตัน ส่วนข้าวที่ไม่มีคุณภาพ เป็นข้าวที่โรงสีทำการคัดแยกออกจากข้าวปกติ เและไม่ได้เป็นข้าวในโครงการรับจำนำ ส่วนแกลบอัดแท่งเป็นผลผลิตที่โรงสีผลิตขึ้นมาเพื่อจำหน่ายตามปกติ สาเหตุที่ไปอยู่ในโกดังเพราะเป็นช่วงฤดูฝน คนงานเกรงจะเปียกฝนเสียหายจึงนำไปเก็บรวมกันไว้

               ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวว่า ตามหลักข้าวรับจำนำควรจะแยกออกจากข้าวทั่วไปที่อยู่ในกิจการของโรงสี ไม่ควรนำมาปนกัน ส่วนกรณีที่สืบทราบว่าอาจจะมีข้าวหายไปกว่า 1,000 ตันนั้น สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้าวในโรงสีแห่งนี้ใหม่ทั้งหมดโดยละเอียด

อย.สหรัฐสั่งกักข้าวไทยไว้ตรวจสอบ

                วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกาแจ้งว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Food&Drug Administration: FDA) มีคำสั่งแจ้งให้ท่าเรือและผู้นำเข้าทุกรายทั่วสหรัฐฯ กักกันข้าวที่นำเข้าจากประเทศไทยทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้ามา หลังมีข่าวว่าข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลไทยที่เก็บไว้ในโกดังหรือสต๊อก มีการใช้สารเคมีรมควันปริมาณมากเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ บางแห่งมีมอด มีเชื้อรา ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคสหรัฐฯ จึงให้กักไว้ตรวจสอบก่อน

ผู้ส่งออกระส่ำหวั่นเจอแบล็คลิสต์

                แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าวเผยว่า การตื่นตัวของ FDA สหรัฐครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะตลอดเวลา 20-30 ปีที่ผ่านมา การนำเข้าข้าวจากไทยไม่เคยมีปัญหาต้องถูกตรวจสอบคุณภาพเช่นนี้ หากสุ่มตรวจแล้วพบว่า คุณภาพของข้าวมีปัญหาเรื่องสารเคมี มอด หรือ เชื้อรา ของบริษัทใด 5 ครั้ง  FDA ของสหรัฐฯ จะขอให้ผู้นำเข้ารายนั้นปฎิเสธการนำเข้าข้าวไทย ทำให้ผู้นำเข้าเริ่มวิตก เพราะการตรวจของ FDA นอกจากต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายกว่าหนึ่งพันเหรียญต่อตู้คอนเทนเนอร์แล้ว หากสุ่มเจอ 5 ครั้งว่าผิดปกติ ก็ต้องถูกห้ามนำเข้าข้าวไทยเด็ดขาด

                “ผลจากคำสั่งดังกล่าว ทำให้ผู้นำเข้าข้าวไทยระส่ำระสายอย่างหนัก เกรงจะได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เพราะเพียงการกักรอการตรวจสอบก็อาจทำให้ผู้บริโภคหรือลูกค้าไม่มั่นใจ อาจทำให้ผู้นำเข้าหลายรายเปลี่ยนไปนำเข้าข้าวจากประเทศคู่แข่งของไทย อย่าง เวียดนาม และกัมพูชาแทน” แหล่งข่าวระบุ

                สำหรับเป้าหมายส่งออกข้าวปี 2556 กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยลูกค้ารายใหญ่ คือ สหรัฐฯ

                สถิติการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐฯ ในช่วง 4 เดือนของปี 2556 (ม.ค.-เม.ย.) ส่งออกได้ปริมาณ 130,178 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่ส่งออกได้ 106,427 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 22.32% โดยข้าวที่ส่งออกส่วนใหญ่ เป็นข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ และผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ

“มาร์ค”หยันแค่หวังลดกระแส

                มีความเห็นจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจโรงสีทั่วประเทศภายในวันเดียวกันของรัฐบาลว่า  ข้อมูลหลายอย่างขอมาเป็นปีรัฐบาลยังไม่สามารถตอบได้  การบอกว่าตรวจวันเดียวแล้วจะได้คำตอบนั้นเป็นไปไม่ได้ ตนเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเพียงลดกระแสเท่านั้น ดีไม่ดีรัฐมนตรีอาจหายก่อนข้าว แต่รัฐบาลหนีความจริงได้พ้น เพราะความเสียหายจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ข้าวที่อยู่ในสต๊อคจะเป็นปัญหาต่อไปในการบริหาร สุดท้ายปัญหาก็จะย้อนกลับมาอีก

โยนถามรบ.ชอบใช้ตร.ทำทุกเรื่อง

                ส่วนกรณีรัฐบาลใช้ตำรวจกว่า 2 หมื่นนายไปตรวจสอบนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผู้ที่จะทำงานเรื่องนี้ต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องข้าว สามารถตรวจสอบได้ทั้งปริมาณและคุณภาพว่าตรงกับที่เอาเข้าไปครั้งแรกหรือไม่ ต้องใช้เซอเวเยอร์ และก่อนหน้านี้ ครม.ก็เคยอนุมัติงบประมาณ 157 ล้านให้ตำรวจไปเฝ้าโรงสี ป้องกันทุจริต แต่ก็ไม่ได้ผล จึงคิดว่าการมอบหมายงานเป็นไปตามกระแส ก็ต้องดูหลังปรับครม.แล้วจะเปลี่ยนคนรับผิดชอบหรือไม่              หากรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาจริงสิ่งแรกที่ควรทำคือ ยอมรับว่ามีปัญหา พูดความจริงกับประชาชนด้วยการเอาตัวเลขพื้นฐานออกมาเปิดเผยให้โปร่งใส ยอมรับความเสี่ยงทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการทุจริต แก้ไขอย่างจริงจัง

                นายอภิสิทธิ์ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นถึงเหตุผลที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ใช้ตำรวจไปตรวจข้าวว่าเป็นการสะท้อนถึงสภาพรัฐตำรวจหรือไม่ โดยขอให้ไปถามรัฐบาลว่าเหตุใดจึงชอบใช้งานตำรวจให้ทำในเกือบทุกเรื่อง